อนันต์ชัย จันทรัตน์ จากชีวิตดิ่งลงเหวไปสู่ ช่างภาพแอ็คชั่นหมายเลขหนึ่งเมืองไทย
อนันต์ชัย จันทรัตน์ จากชีวิตดิ่งลงเหวไปสู่ ช่างภาพแอ็คชั่นหมายเลขหนึ่งเมืองไทย อนันต์ชัย จันทรัตน์ หรือพี่อ๋อของน้องๆ ผู้เป็น ช่างภาพแอ็คชั่นหมายเลขหนึ่งเมืองไทย จากชีวิตเด็กคนนึงที่ตกต่ำแทบดิ่งลงเหวพ่อแม่ก็ไม่รู้อยู่ไหน ชีวิตไม่น่าผ่านพ้นมาได้น่าจะกลายเป็นคนเลวไปแล้ว แต่ระหว่างความดีกับความไม่ดีที่มันอยู่ใกล้กันมากๆ มันอยู่ที่เราจะเลือกจะคิดออกรึเปล่า แต่วันนั้นคนๆนี้คิดอยู่อย่างเดียว ผมจะเอาดีให้ได้…!!! ตอนเด็กพ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้วจึงนำพี่อ๋อมาฝากให้ลุงเลี้ยงแล้วพ่อก็ไป ด้วยความเด็กก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรรู้แต่ว่า พอตื่นขึ้นมา “อ้าวพ่อแม่ไปไหน แล้วนี่เป็นใคร …ชีวิตเราได้เปลี่ยนไปแล้ว?” ด้วยความโชคดีที่ลุงกับป้ายังเห็นความสำคัญด้านการศึกษาพี่อ๋อจึงยังได้เรียน ตั้งแต่ป.1พี่อ๋อต้องทำทุกอย่างก่อนไปโรงเรียนต้องวิ่งไปซื้อกับข้าว กวาดบ้านถูบ้าน หุงข้าว เปิดประตูหน้าต่าง ทำเรื่อยมาจนถึง ม.ศ.5 ตอนประถมพี่อ๋อ อนันต์ชัย จันทรัตน์ ต้องอาศัยกินข้าววัด พอพระตีระฆังก็ได้แต่นั่งมองนาฬิกาเพราะพระจะฉันเพลกันตอน 11โมง ถ้ารอจนพักตามเวลาพักเที่ยงโรงเรียนคงไม่ทัน พี่อ๋อเลยต้องขออนุญาตครูพักก่อนเพื่อไปกินข้าว คุณครูก็เห็นใจให้ออกไปก่อนแต่ก็ย้ำให้ให้กลับมาจดการบ้านให้เรียบร้อยด้วย แรกๆก็ไปไม่ทันจนตอนหลังรู้ว่าหลัง 11โมง 15นาทีก็ต้องรีบออกเลยเพื่อไปทันกินกับเหล่าเด็กวัดอาชีพ และก็ไม่ลืมจะกลับมาตามงานกับเพื่อนตามที่ครูได้ขอไว้เสมอมา พอมัธยมด้วยความยากจนและพ่อแม่ไม่มีทำให้พี่อ๋อเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยมีเพื่อน ตอนเช้าป้าจะทำขนมให้ไปขายที่โรงเรียน ขายได้ 35บาท ก็จะเอา 30บาทใส่กระเป๋ากางเกงแล้วใช้หนังยางรัดไว้ให้แน่นห้ามหายเพราะต้องเอาไปให้ป้า ส่วนอีก 5บาทที่เป็นกำไรจะได้เอาไว้กินเป็นค่าขนม เข้าโรงเรียนตอนเช้าก็จะสายทุกวันเพราะต้องวิ่งขายขนมก่อน เพราะถ้าไม่ขายตอนนี้ตอนกลางวันก็จะไม่มีข้าวกิน สายทุกวันจนครูสงสัยเรียกมาถาม “อนันต์ชัย เธอทำไมเธอเข้าสายตลอดเลย?”…
ตากล้องสาว นวลตา วงศ์เจริญ ผู้มีความฝันแล้วมุ่งมั่นไปหามัน
ตากล้องสาว นวลตา วงศ์เจริญ ผู้มีความฝันแล้วมุ่งมั่นไปหามัน นวลตา วงศ์เจริญ คือตากล้องสาวผู้อยู่เบื้องหลังรูปถ่ายสวยๆของนิตยสาร a day และ HAMBURGER หลายๆเล่ม เธอเป็นสาวร่างเล็กอารมณดีที่มีความฝันและความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันไปหามัน ทั้งความพยายามในการเรียนในสิ่งที่หวัง การทำงานในแบบที่ตัวเองรัก และการใช้ชีวิตที่ต้องมีความสุขไปกับมัน วันนี้เราจะได้ร่วมพูดคุยเพื่อรับรู้แนวคิดและแง่มุมต่างๆในชีวิตของเธอกัน เริ่มด้วยรักแล้วมุ่งไปหามัน นวลตา วงศ์เจริญ โตมาในครอบครอบครัวที่มีพ่อจบจากคณะจิตรกรรม ชอบพาเธอไปดูงานศิลปะและซื้อพวกเครื่องเขียนมาให้ได้เล่นได้วาดเสมอ ทำให้เธอมีความรักในการวาดรูปมาแต่เด็ก พอเข้ามัธยมปลายก็ได้เริ่มติวทางด้านวาดรูปอย่างจริงจังเพื่อเอ็นทรานซ์เข้าคณะทางด้านศิลปกรรม ในครั้งแรกเธอยังเอ็นไม่ติด แต่ด้วยความชอบในด้านนี้ทำให้เธอได้พยายามต่อมาอีก 3 ปี จนสามารถสอบเข้าได้ที่ภาควิชานิเทศศิลป์และการถ่ายภาพ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ชอบวาดรูปมาสู่ถ่ายภาพ พอได้เข้าไป นวลตา ก็ต้องหัดเรียนรู้การถ่ายรูปตั้งแต่เริ่มต้น แต่ด้วยความรักในศิลปะเธอก็มีความคิดว่าการวาดรูปกับการถ่ายรูปมันก็ยังมีความคล้ายกัน แต่ต้องเปลี่ยนจากเฟรมวาดรูปมาเป็นฟิล์มในการถ่ายภาพ จากการวาดด้วยมือกับพู่กันมาวาดด้วยกล้อง แสงและไฟแทน เธอก็ได้หัดและได้พบกับความท้าทาย พบกับความยากในแบบที่รักมันขึ้นเรื่อยๆ จนเธอสนุกและรักการถ่ายรูปในที่สุด รักและเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ ตอนแรกที่ทำงาน นวลตา วงศ์เจริญ ก็ได้ทำงานถ่ายรูป Portrait เลยแต่ก็ต้องโดนจำกัดที่สไตล์ของรูปที่ถ่ายต้องเป็นไปตามโทนที่ตัวนิตยสารต้องการ ซึ่งเป็นแบบที่ยังไม่ตรงกับสไตล์ที่เธอชอบนัก แต่เธอก็ตั้งใจทำงานและเรียนรู้สร้างสมประสบการณ์มาเรื่อยๆจนประมาณ 2 ปี จึงออกมาและได้หานิตยสารที่น่าจะเหมาะกับสไตล์งานของเธอ…
ฐาวันต์ รงคพรรณ ความกล้ากับทางเลือก
ฐาวันต์ รงคพรรณ ความกล้ากับทางเลือก วันนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณ ฐาวันต์ รงคพรรณ ชายหนุ่มที่ผ่านร้อนผ่านฝนมาเพียงไม่นานแต่เค้าได้ผ่านเรื่องราวมามากมาย จากคนที่เคยเรียนวิศวะได้กลายมาเป็นครูสอนดนตรี จากเรียนอยู่ที่เมืองไทยต้องไปเรียนต่อที่เมืองนอก จากเป็นคนกรุงเทพฯได้ไปเริ่มทำงานที่พังงา ผ่านทางแยกของชีวิตหลายครั้งที่ต้องใช้ความกล้าอย่างมากในการตัดสินใจ เราจะมาฟังเรื่องราวความคิดความกล้าในการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเค้ากัน เด็กศิลป์คำนวณสอบเข้าวิศวะ ฐาวันต์ รงคพรรณ ดูเป็นชายหนุ่มสบายๆเค้าเล่าให้ฟังว่า เค้าเป็นเด็กธรรมดาที่มีความชอบในรถยนต์เลยได้ตัดสินใจว่าจะเรียนต่อด้านวิศวะยานยนต์ แต่ติดที่ตัวเค้าเองดันเรียนมาในห้องศิลป์คำนวณซึงไม่ได้เรียนพวกฟิสิกส์หรือวิชาของสายวิทย์เลย ตอนนั้นเค้าก็ได้คิดและศึกษาว่าควรจะทำยังไงดี? ควรจะทำตามสิ่งที่เค้าชอบมั้ย? เค้าก็ได้ศึกษาข้อมูลทำให้ได้รู้ว่าการจะสอบเข้านั้นเป็นการสอบตรงโดยต้องใช้เกรดเฉลี่ย และคะแนนสอบ 3 วิชา ด้วยความชอบและความกล้าเค้าก็เลยตัดสินใจใจที่จะสอบ ซึ่งเค้าก็คิดว่าจะใช้วิชาเลขกับอังกฤษให้ผ่าน 2 ใน 3 วิชาได้ สุดท้ายเค้าก็สามารถสอบติดเข้าไปเรียนได้ตามที่หวัง แต่ตอนที่เรียนเค้าก็ยังต้องปรับตัวอีกเยอะ ขยันมากกว่าคนอื่นเพื่อเรียนตามให้ทันเพื่อน และทดแทนวิชาทางสายวิทย์ที่เค้าไม่เคยได้เรียนเลย จากวิศวกรสู่ครูสอนดนตรี ด้านดนตรี ฐาวันต์ รงคพรรณ ได้เริ่มเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็กประมาณ 10 ขวบและได้เล่นเรื่อยมา ระหว่างเรียนเปียโนที่ Eurhythmics Center เค้าได้เดินผ่านห้องเรียนแล้วได้เห็น ครูปูเป้ (อ.นิลวรรณา อึ้งอัมพร) สอนดนตรีเด็กๆแล้วดูสนุกมาก ความสนุกของเด็กๆที่เรียนดนตรีกับ ครูปูเป้ ทำให้เค้าประทับใจคิดว่าตอนเราเด็กๆถ้าได้เรียนอย่างนี้บ้างคงสนุกดี จนตอน ม.4-5 ครูปูเป้ ขอให้เค้ามาช่วยสอนดนตรีเลยได้มาเป็นครูผู้ช่วยสอนเด็กเรื่อยมา จนเข้ามหาลัยปี3…
Chef’s Table กินข้าวบ้านเพื่อนกับ เชฟอาร์ต
Chef’s Table กินข้าวบ้านเพื่อนกับ เชฟอาร์ต วันก่อนได้ไปลองทานอาหารแบบ Chef’s Table ที่ทำโดย เชฟอาร์ต ศุภมงคล ศุภพิพัฒน์ ตอนแรกที่ได้ฟังก็ยังงงๆอยู่ว่าจะเป็นรูปแบบยังไง โต๊ะของเชฟเหรอ? จะกินกันยังไงล่ะนั่น? เรานัดเจอกับพวกพ้องแถวเอกมัยก่อนเพื่อรวมตัวเดินทางไปพร้อมกัน พอไปถึงก็ หา? นี่มันบ้านคนไม่ใช่ร้านอาหารนี่? เลยคิดว่าจะต้องมารับใครอีกคนมั้ง? แต่ไม่ใช่ ที่นี่แหละที่ๆเราจะมาทานอาหารกัน… พอเข้าไปในบ้านก็ได้เจอชายหนุ่มใส่ผ้ากันเปื้อนยิ้มกว้างอย่างอบอุ่นต้อนรับ เค้าคนนี้แหละคือ เชฟอาร์ต ศุภมงคล ศุภพิพัฒน์ เป็น Celebrity Chef ที่ทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านอาหารให้กับ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เป็นผู้คิดเมนูให้กับร้าน EST.33 เป็นอาจารย์พิเศษที่ Le Cordon Bleu และเคยเปิดร้าน Zeist ร้านอาหารสไตล์เฟรนช์-อิตาเลียน แถวสุขุมวิท จะเป็นผู้เปิดครัวที่บ้านทำอาหารให้เราได้ทานกันในวันนี้ หลายคนอาจสงสัยแล้วตกลง Chef’s Table มันเป็นยังไง? จริงๆแล้วก็สามารถแปลได้ตรงตัวคือ โต๊ะของเชฟ โดยปกติในร้านอาหารเชฟจะทำอาหารกันในครัว พอหิวก็จะพักสลับกันไปทานอาหาร…
Mr.Sjors in Thailand เมื่อ G-Shock Collector ชื่อดังมาไทย
Mr.Sjors in Thailand เมื่อ G-Shock Collector ชื่อดังมาไทย วันนี้เนื่องในโอกาสที่ Mr.Sjors in Thailand ทำให้เราได้มาร่วมพูดคุย G-Shock Collector ชื่อดังของโลก ผู้เป็นเจ้าของบล็อกนาฬิกา G-Shock ชื่อดังอย่าง 50Gs และ G-Peopleland และยังเป็นผู้ดูแลในส่วนของ G-Shock forum ของเวป WatchUseek เวปเกี่ยวกับนาฬิกาชื่อดังของโลกอีกด้วย Mr.Sjors คือ G-Shock Collector ผู้เริ่มสะสมนาฬิกา G-Shock เรือนแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปีคศ.2000 โดยตอนแรก Mr.Sjors ได้ใส่นาฬิกาอื่น แต่พอใส่ใช้งานไปตัวเรือนก็เกิดรอยเค้าจึงได้นำไปซ่อม แต่เมื่อนำกลับมาแบตเตอรี่ก็มาเสื่อมอีก Mr.Sjors จึงได้ตัดสินใจว่าเค้าจะซื้อนาฬิกาเรือนใหม่ โดยนาฬิกาเรือนใหม่ที่เค้าจะซื้อต้องทนทานไม่เป็นรอยง่ายและแบตเตอรี่อยู่ได้นานไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย Mr.Sjors จึงได้ตัดสินใจมาซื้อนาฬิกา G-Shock รุ่น DW-004 แบบสายหนังที่ทนทาน โดยในขณะนั้นมีการรับรองแบบ Triple Ten ด้วย (Triple Ten มาจาก concept…
คิดนอกกรอบกับ พร ดารีพัฒน์ “สดใหม่ โดนใจ ทำได้”
คิดนอกกรอบกับ พร ดารีพัฒน์ “สดใหม่ โดนใจ ทำได้” “สดใหม่ โดนใจ ทำได้” เป็นคำพูดที่คุณ พร ดารีพัฒน์ หรือ อาปั๊บของน้องๆบอกว่าเป็นสโลแกนหลักของบริษัทที่เค้ายึดถือมาตลอด คุณพร เป็นกรรมการผู้จัดการ ประจำสำนักงานกรรมการใหญ่ ของ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เป็นผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจสายอาหารของบริษัท ทั้งยังเป็นผู้สร้างร้าน EST.33, Wine33, Farm Design, KONOYA, Smoothies Secrett , Star Chef Maki Champion โดยในวันนี้คุณพร จะมาเล่าให้เราฟังถึงแนวคิด และประสบการณ์ช่วงเรื่องราวของการสร้าง Farm Design ที่เมืองไทย พ่อบ้าน พี่เลี้ยง อา เริ่มต้นจากตอนนั้นคุณ พร ดารีพัฒน์ ได้ดูแลโครงการ Singha Biz Course ซึ่งเป็นโครงการนำนักศึกษามาฝึกงาน โดยให้ได้เรียนรู้กับเหล่าผู้บริหารของ บริษัท…
เมื่อหนุ่ม Finance หันมาทำชีสเค้กโลกก็เปลี่ยน : ประวัติของ Farm Design
เมื่อหนุ่ม Finance หันมาทำชีสเค้กโลกก็เปลี่ยน : ประวัติของ Farm Design ถ้าหากเอ่ยชื่อ Yasuhiko Kaino คงไม่มีใครรู้จัก แต่พอพูดถึง Farm Design หลายๆคนคงจะนึกถึง ชีสเค้กญี่ปุ่นแท้ๆ ที่เนื้อนุ่มละมุนได้รสชาติของชีสเน้นๆ และโลโก้เจ้าวัวใส่แว่นตาดำหน้าตากวนๆ คุณ Yasuhiko Kaino คนนี้แหละคือผู้ที่เขียน ประวัติของ Farm Design ขึ้นมา ก่อนจะมาเป็น Farm Design Yasuhiko Kaino เป็นคน Osaka ที่เหมือนคนทั่วไปที่เรียนมหาวิทยาลัยจบก็ไปเป็นพนักงาน Finance ธรรมดาคนนึงในเมืองใหญ่ วันนึงเค้าได้ข่าวว่ารัฐบาลมีการให้ทุนสนับสนุนผู้ที่จะทำอาชีพเกษตรกรรม เค้าให้ความสนใจอย่างมากเพราะเค้าเป็นคนที่ชอบท่องเที่ยวผจญภัยเดินป่าอยู่แล้ว การไปเป็นเกษตรกรก็เป็นอาชีพที่เค้าใฝ่ฝัน และ Hokkaido ก็เป็นเมืองที่น่าหลงใหล เค้าเลยตัดสินใจหันหลังให้งานออฟฟิศที่ทำอยู่ แล้วเดินทางออกจากเมืองใหญ่เพื่อไปค้นหาตัวเองกับอาชีพใหม่ที่เค้าก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ในปี 1987 Yasuhiko Kaino ได้ไปซื้อฟาร์มเก่ารกร้างที่เมือง Hamanaka ที่อยู่ตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ Hokkaido ตลอด 10 กว่าปีเค้าอุทิศตนด้วยความทุ่มเทฝ่าฟันอุปสรรคนาๆ ผ่านอากาศที่เลวร้ายในฤดูหนาว ค้นหาวิธีต่างๆเพื่อฟื้นฟูจากฟาร์มที่ถูกทอดทิ้งจนสามารถที่จะกลับมาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อีกครั้งในที่สุด…